'ถ้าความมืดคือเหล้า ความสว่างก็คงเป็นกาแฟ' ประโยคบอกเล่าชวนขบคิดส่วนหนึ่งของบทสนทนาระหว่างเรากับ หนิง ณัฐฐามล พรหมรัต Q Grader และเจ้าของ Bar- cony ร้านกาแฟสุดฮิปแห่ง พ.ศ. นี้ เธอคนนี้เป็นคนที่เราจะมาล้วงลึกถึงทุกเรื่องของเครื่องดื่มสีเข้มกลิ่นหอมรัญจวนใจโดยโฟกัสไปที่ Q Grader อาชีพที่ถือว่าไม่ธรรมดาและมีเพียงแค่ประมาณ 4,000 คนบนโลกใบนี้เท่านั้นอะไรที่ทำให้ Q Grader มีความสำคัญกับวงการกาแฟและทำไมถึงมีจำนวนน้อยจนน่าใจหาย เราก็อยากรู้พอๆ กับคุณเหมือนกัน เพราะฉะนั้นลุยกันเลย
คุยกับ Q Grader มืออาชีพตัวเป็นๆ
อะไรคือ Q Grader
Q Grader หรือนักชิมรสชาติมาตรฐานของกาแฟหรือชิมเพื่อดูว่าในกาแฟตัวนี้ มีสิ่งที่ดีไม่ดีอะไรบ้าง มีความเปรี้ยวยังไง มีรสชาติแบบไหนแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือว่าเรื่องของสิ่งที่ไม่ดีที่อยู่ในกาแฟพูดง่ายๆ ก็คือเป็นลักษณะของการตรวจสอบคุณภาพสารกาแฟ ส่วนความรู้ที่ได้มามันเอาไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายๆ ส่วนของกาแฟ เพียงแต่ว่าวัตถุประสงค์ของการเรียน Q Grader ของเราตั้งใจเรียนรู้โดยตรงไปที่เมล็ดพันธุ์
ความยากที่มาพร้อมความท้าทาย
โดยความยากมันอยู่ตรงที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดแต่ธรรมชาติของคนไทยทานอาหารรสจัดค่ะ เพราะฉะนั้นเราต้องปรับตัว เราจะต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเราใหม่ พอเราปรับประสาทสัมผัสก็จะดีขึ้น การรับรสชาติต่างๆ เราจะไวขึ้น ถ้าเป็นชาวต่างชาติเขาอาจจะไม่ยากมาก เพราะว่าเขาทานรสจืดอยู่แล้
จำนวน Q Grader บนโลกใบนี้
มีประมาณ 4,000 คน ที่ใช้คำว่าประมาณก็คือมันก็จะมีการสอบกันอยู่ทั่วโลกส่วนในเมืองไทยตอนนี้ก็มีอยู่ประมาณ 100 คน แต่แนวโน้มก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเมืองไทยกำลังตื่นตัวเรื่องกาแฟที่มีคุณภาพมากขึ้นเพราะฉะนั้นในสมัยก่อนคนจะไม่รู้จัก Q Grader แต่ตอนนี้คนกาแฟสายลึกเริ่มรู้จักก็เริ่มเผยแพร่เพราะฉะนั้นมันก็จะเริ่มกลายเป็นเรื่องธรรมดา ในอนาคตเชื่อว่า Q Grader ก็จะเป็นองค์ความรู้ในการทำร้านกาแฟพื้นฐานอย่างหนึ่งเหมือนกัน ร้านดีๆ จะมี Q Grader ประจำร้านสักหนึ่งคน
ข้อดีของ Q Grader ที่มาเปิดร้านกาแฟ
พี่มองว่าเราจะได้ถ่ายทอดองค์รู้ความเข้าใจในการทานกาแฟมากขึ้น มันไม่ใช่การยัดเยียด แต่มันเป็นการค่อยๆ สอดแทรกไปทุกวันๆ ถ้าเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ การกินกาแฟของบ้านเราก็จะดีขึ้น เมื่อการทานกาแฟมีความต้องการที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นคนทำก็จะซัพพอร์ตของดีมาใช้ เพราะมีคนซื้อ มีคนยอมจ่าย เพราะฉะนั้นถ้า Q Grader ทุกคนที่อยู่หน้าบาร์ให้ความรู้คุยกับลูกค้า บ้างก็จะช่วยทำให้วงการดีขึ้นค่ะ
จากความคลั่งใคล้กลายมาเป็นความรัก
เราอาจจะด้วยเป็นคนศิลปะแล้วก็มีความละเอียดอ่อน เราก็จะรู้สึกว่าทำอะไรก็อยากจะทำให้เต็มที่ คือเราไม่ได้เลือกว่าคือเรารู้สึกว่า ไม่ว่าอาชีพอะไรถ้าภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำมันสามารถก้าวหน้าได้ทั้งนั้น ถ้าเราทำให้ดีที่สุดจนคนรอบข้างรู้สึกได้ โดยที่เราไม่จำเป็นจะต้องไปบอกว่าฉันทำดีนะเขาก็รู้เองว่ามันดี แค่นั้นก็ถือประสบความสำเร็จแล้ว
ร้านกาแฟที่เป็นมากกว่าร้านกาแฟ
ร้านกาแฟเป็นเหมือนศูนย์รวมของอารมณ์ โศกเศร้าก็เข้าร้านกาแฟ ดีใจก็ร้านกาแฟวันๆ หนึ่งคุณจะต้องเจอกับอารมณ์ที่หลากหลายมาก ซึ่งคนเหล่านั้นคือลูกค้าของคุณ เขาเห็นว่าคุณสำคัญ เขามีอะไรเขาจึงเข้ามาหาคุณ
มุมมองธุรกิจร้านกาแฟ
ร้านกาเเฟเป็นธุรกิจที่เข้าง่ายออกง่าย คุณต้องเริ่มจากความรัก ถ้าคุณไม่ได้รักคุณต้องเริ่มจากความอดทน ความใฝ่รู้ก่อน เพราะว่าความอดทนเเละความใฝ่รู้จะทำให้คุณอยู่กับมันได้นาน คุณอยู่กับมันได้นานคุณก็จะรักมันเอง ไม่อย่างงั้นถ้าคิดว่าทำร้านกาเเฟเพราะว่ามันเก๋ มันเท่ มันสวยงาม มันจะไม่มั่นคง
7 ปีในวงการกาแฟได้อะไรบ้าง
หนิงได้มิตรภาพนะ ได้เพื่อนเยอะมาก เมื่อก่อนหนิงเป็นคนพูดน้อยกว่านี้เยอะ ขี้อาย วันๆ ไม่ค่อยพูดกับใครแต่พอทำร้านกาเเฟแล้วบุคลิกเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มคุยกับคนที่หลากหลายได้มากขึ้น เริ่มเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เพราะว่าแน่นอนพื้นฐานเราขายของเราก็จะไม่ทะเลาะกับลูกค้าถูกไหมคะ แต่เท่านั้นไม่เพียงพอ ไม่งั้นมันจะกลายเป็นความอดทน อดทนต่ออารมณ์ของคนอื่นเเต่จริงๆ แล้วถ้าเราเข้าใจเขาเราจะไม่ต้องอดทน เราก็เเค่เข้าใจว่าคนมีความแตกต่างกัน แต่ทุกคนเห็นว่าเราสำคัญ ถ้าเขาไม่เห็นว่าเราสำคัญ เขาจะไม่เข้ามาหาเราหรอก
Facebook : Bar-Cony
เรื่อง/ภาพ : Nuthakorn Chienprapa
อัพเดทความเคลื่อนไหวของ A'Lure Magazine ได้ที่
Facebook : facebook.com/Alure.Fanclub
Instagram : instagram.com/aluremagazine
VDO : seeme.me/ch/themaster